จงขุ่ย -เทพทรงอิทธิฤทธิ์และคุณธรรม ผู้มีหน้าที่ปราบปรามเหล่าภูตผีปีศาจร้ายที่คอยอาละวาดและหวังจะครอบครองโลกมนุษย์
หลิ่วหันเอียน -เซียนผู้ทรงคุณธรรม ผู้ได้รับมอบหมายจากเง็กเซียนให้มารักษาความสงบสุขบนโลกมนุษย์
ฟู่ฉี -เซียนนักบวช ผู้ได้รับมอบหมายจากจงขุ่ยให้ร่วมมือกับหลิ่วหันเอียนจับตาดูพฤติกรรมของหลินเสี่ยวไต้กับจิตมาร
นายอำเภอหวงปิ่งเฉิง -ขุนนางผู้เฉลียวฉลาดและซื่อสัตย์ในหน้าที่ผู้รับใช้ใต้เท้ารัชกาลเต๋อซ่งแห่งราชวงศ์ถัง จิตใจดีมีคุณธรรม
ต๋าจี่-นางจิ้งจอกสาวผู้มักมากในกามรมณ์ ผู้ครอบงำเหล่าบุรุษทั้งหลายให้หลงใหลไปกับเสน่ห์ราคะก่อนที่จะลงมือควักหัวใจของชายเหล่านั้นอย่างเลือดเย็นด้วยมือของนาง
จิตมาร-มารชั่วผู้มีสัญลักษณ์เป็นหมอกสีดำแห่งความชั่วร้ายที่ถูกหล่อหลอมขึ้นมานานนับพันปี สามารถรอดพ้นจากกระบี่ปราบมารได้ ด้วยเป็นมารที่ไร้รูป จึงได้ชื่อว่า จิตมาร
หลินเสี่ยวไต้-แม่ชีสาวแห่งวัดเทียนทง มีฉายาว่าเจินกู เป็นผู้ต้องสงสัยรายสำคัญในคดีฆาตกรรมปี่กาน
เพราะความลุ่มหลงในราคะความงามทำให้ “นางจิ้งจอกต๋าจี่” ใช้เสน่ห์มารยาเข้าครอบงำจิตใจเหล่าบุรุษทั้งหลาย จนทำให้เกิดเรื่องร้ายเป็นความติดตามกันมานานนับปี เหตุการณ์ต่างๆ อยู่ในสายตาของ “จงขุ่ย” “หลิ่วหันเอียน” และ “ฟู่ฉี” สามเซียนผู้คอยปราบเหล่ามารมาตลอด ขณะที่พวกจงขุ่ยตามสืบเรื่องมารร้าย ทางฝ่ายจิตมารก็ก่อเรื่องมากมายหวังจะจัดการบ้านสกุลหวงให้เกิดความพินาศโกลาหล พวกจงขุยจึงหาทางช่วยและสืบคดีนี้ท่ามกลางอุปสรรคที่มีอยู่มากมาย พวกเขาจะกู้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร
มีตำนานเล่าว่าในสมัยราชวงศ์ถัง ฮ่องเต้ถังเสียนจงบรรทมไม่หลับเพราะมีภูตผีปีศาจคอยก่อกวน กระทั่งทรงพระสุบินเห็นคนใส่ชุดขุนนางสีแดงสด หน้าตาดุดัน มาจับปีศาจเหล่านั้นกิน จึงทรงชื่นชมและเคารพศรัทธาในบุคคลท่านนั้น จนทรงสืบทราบว่าเป็น เทพเจ้าจงขุ่ย ฮ่องเต้จึงทรงคิดพระราชทานชุดขุนนางสีแดงให้เทพเจ้าจงขุ่ยสวมใส่เหมือนที่ทรงเห็นในพระสุบิน ปัจจุบัน ในเมืองจีนจะเห็นได้ว่ามีรูปเคารพ เป็นรูปเทพเจ้าจงขุ่ยในชุดสีแดง หน้าตาดุดัน หนวดยาว ตาโต ถือดาบ คอยปราบผีอยู่ทั่วไป โดยชาวจีนเชื่อกันว่าหากแขวนรูปเทพเจ้าจงขุ่ยไว้ที่ใด
แสดงความคิดเห็น